mintchyy

Review : Faris กันแดดผสมรองพื้น กันน้ำ หน้าใสในวันสงกรานต์ !

06:50

ตอนนี้ช่วงสงกรานต์ก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ หลายๆคนคงเริ่มหาชุด และเครื่องสำอางกันน้ำไปเล่นสงกรานต์กันแล้ว วันนี้มิ้นเลยอยากจะมาแนะนำโลชั่นกันแดดผสมรองพื้นที่มิ้นกำลังอินมากๆอยู่ในตอนนี้ เพราะนางดีงามจริงๆ ตัวนี้เลยยย Faris Perfect Sun Protection Lotion SPF50 PA+++

กันแดดโลชั่นผสมรองพื้น ปรับสีผิวให้เรียบเนียน ดูสม่ำเสมอ สามารถใช้แทนครีมรองพื้นก่อนแต่งหน้าให้เครื่องสำอางติดทนนานด้วยสูตรกันน้ำกันเหงื่อ และเป็นโลชั่นกันแดดที่ผลิตและนำเข้าจากญี่ปุ่น 100% ถ้ามาจากญี่ปุ่นแล้ว มิ้นยิ่งมั่นใจในประสิทธิภาพค่ะ

คุณสมบัติน่าสนใจมากๆเลยใช่มั้ยล่าาา~ ทั้งกันแดด ป้องกันผิวเสียตอนไปเล่นน้ำกลางแจ้ง และยังปกปิดความหมองคล้ำ รอยดำ รอยแดง สิว ด้วยรองพื้น แล้วกันน้ำได้อีกต่างหาก งั้นเราอย่ารอช้า ไปดูเนื้อผลิตภัณฑ์กันต่อเลยค้าา

เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเนื้อโลชั่น บางเบา ไม่หนาเลย เกลี่ยง่าย เรียบเนียนไปกับผิวเลย

ส่วนเรื่องกันน้ำ กันเหงื่อ มิ้นลองเอาน้ำเทใส่หลังมือ (ตรงที่ swatch) แล้วลองถู + เอาทิชชู่ซับ ไม่มีอะไรหลุดออกมาเลยค่ะ กันน้ำได้ ไม่หลุดแน่นอน

ส่วนเรื่องการปกปิดของตัวนี้จะค่อนข้างบางเบานะคะ ถ้าทาปกติก็เหมาะกับวันธรรมดาที่เราต้องการแต่งหน้าใสๆ โชว์ผิว ไม่หนักหน้า ตัวนี้ก็ปกปิดได้กำลังดีเลย โดยเฉพาะรอยแดงปิดได้ดีมากๆ ดูได้จากภาพ Before & After เลยค่า

อีกอย่างนึง กันแดดผสมรองพื้นตัวนี้เค้ามีเบอร์เดียวนะคะ มิ้นเลยแอบกลัวว่าถ้าทาบนผิวสีเข้มจะรอดมั้ย เลยไปลองทาบนแขนพี่หมวกที่ผิวค่อนข้างคล้ำ (5555555) ก็โอเคเลยค่าา ไม่วอกไม่เทา

สรุปมิ้นว่ากันแดดผสมรองพื้นตัวนี้คุ้มค่าแก่การลงทุนเลยทีเดียว ทั้งคุณภาพดีและราคาน่ารัก 490 บาทเท่านั้น เป็นได้ทั้งกันแดดและรองพื้น ค่ากันแดดก็ค่อนข้างสูง เหมาะกับทาไปเล่นสงกรานต์ที่จะเจอกับแสงแดดหนักๆด้วยค่า หรือถึงจะไม่ได้เล่นสงกรานต์ก็ทาได้นะ เหมาะสำหรับทาในทุกๆวันเลยค่ะ

และด้วยความที่กันแดดตัวนี้เป็น Physical Sunscreen จึงเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายด้วยนะคะ ตอนนี้ผิวมิ้นแพ้ง่ายมากๆ ใช้ตัวนี้ทุกวันได้สบายเลย

ถ้าใครสนใจกันแดดตัวนี้ สามารถติดต่อ Faris by Naris ได้ทาง

https://www.facebook.com/farisbynaris

http://www.faris.co.th/

https://instagram.com/faristhailand/

และสามารถสั่งซื้อได้จากสาวมิสทีนทั่วประเทศเลยค่าาา

มิ้นก็ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะคะ ไว้พบกันใหม่บล็อกหน้าน้าาา ขอให้มีความสุขในวันสงกรานต์ค่ะ ^^

Review : Biore Pore Pack Black Charcoal ลอกสิวเสี้ยนแบบสะใจ ถอนรากถอนโคน!!

00:20

สวัสดีค่ะ วันนี้มิ้นจะมารีวิว Biore Pore Pack Black Charcoal สูตรใหม่ที่เพิ่งออกมาสดๆร้อนๆเลยว่าจะลอกสิวเสี้ยนได้สะใจขนาดไหนนะคะ แบบเป็นคลิปก็มีน้าา

เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาดูไปพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่าา

มิ้นขอเริ่มพูดถึง ‘สิวเสี้ยน’ ก่อนเลยนะคะ สิวเสี้ยนเป็นสิ่งที่กวนใจมิ้นมาหลายปีแล้ว มันเอาออกยากมากกก บั่นทอนความมั่นใจมากก แต่งหน้าก็ไม่เรียบเนียน เห็นสิวเสี้ยนบนจมูกเต็มไปหมด ไม่โอเคเลยจริงๆ ฮื้อออ แต่ต้องยอมรับเลยว่าแต่ก่อนมิ้นเผลอหลับไปบ่อยๆโดยไม่ได้ล้างเครื่องสำอางออกก่อน จึงทำให้สิวเสี้ยนมาตั้งรกรากอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นการรักษาความสะอาดของใบหน้าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยนะคะ แค่เราทำความสะอาดดีๆ ล้างเมคอัพให้หมดจดทุกวัน แค่นี้เราก็จะสามารถป้องกันสิวเสี้ยนในเบื้องต้นได้แบบง่ายๆแล้วค่ะ แต่ถ้าเรารักษาความสะอาดแล้วสิวเสี้ยนยังมาวนเวียนอยู่ล่ะก็.. เราคงต้องใช้ตัวช่วยอย่างแผ่นลอกสิวเสี้ยนแหละ วันนี้มิ้นเลยจะขอแนะนำให้รู้จักกับ Biore Pore Pack Black Charcoal นะค้าาา

หลายๆคนคงเคยเห็นหรือเคยลองใช้ Biore Pore Pack กันมาบ้างแล้ว ตอนนี้เค้าเพิ่งออกสูตรใหม่มาค่ะ เป็นสูตรที่ผสานถ่านไม้ไผ่ญี่ปุ่นที่จะขจัดสิวเสี้ยนและลดความมันถึง 3 เท่า!! ลอกสะใจแน่นอนค่าา ทางแบรนด์เคลมมาขนาดนี้ ไม่ลองไม่ได้แล้ว!

ก่อนจะเริ่มทดสอบ เรามาดูหน้าตาผลิตภัณฑ์กันก่อนดีกว่าค่ะ

นี่คือกล่อง Biore Pore Pack นะคะ 1 กล่องจะมีแผ่นลอกสิวเสี้ยน 10 แผ่น กล่องเดียวใช้ได้อย่างน้อย 2 เดือนกว่าๆเลยนะ

หลังกล่องจะมีอธิบายวิธีใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยน และมีข้อควรระวังด้วย คือไม่ควรใช้กับผิวไหม้แดด บวม มีสิวอักเสบ ผิวแห้งกร้านหรือเป็นผื่นแดงนะคะ รวมไปถึงผิวที่บอบบาง เคยแพ้พลาสเตอร์หรือมาส์กลอกหน้าด้วยค่ะ

และนี่คือหน้าตาของซองแผ่นลอกสิวเสี้ยนค่าา

ดูแพคเกจกันไปแล้ว ต่อไปมาดูมิ้นทดสอบแผ่นลอกสิวเสี้ยนและสอนวิธีใช้ไปพร้อมๆกันเลยค่าาา

ขั้นตอนที่ 1 : ทำความสะอาดผิวก่อนเลยค่า ล้างหน้าให้สะอาดเกลี้ยงเลย

ขั้นตอนที่ 2 : ก่อนจะแปะแผ่นลอกสิวเสี้ยนอย่าเพิ่งเช็ดหน้าให้แห้งนะคะ พรมน้ำบนจมูกให้ชุ่มๆเลยค่า

ขั้นตอนที่ 3 : รีบแกะแผ่นลอกสิวเสี้ยนออกมาเล้ยย ขั้นตอนนี้มิ้นชอบรีบนิดนึงค่ะ กลัวหน้าจะแห้งก่อน 5555

ขั้นตอนที่ 4 : ติดแผ่นชีทลงไปเลยค่ะ แล้วรีดให้เรียบสนิทไปกับรูปจมูกเลย

หลังจากนั้น รอ 10-15 นาทีให้แผ่นชีทแห้งค่ะ ระหว่างรออย่าให้เหงื่อออกนะคะ เปิดแอร์เย็นๆฉ่ำๆ นั่งชิวๆรอเวลาปายย~~

ขั้นตอนที่ 5 : ผ่านไป 15 นาทีแล้ว มาลอกออกกันเลยค่ะ! ลอกออกจากด้านข้างเข้าหาตรงกลางนะคะ ลอกช้าๆ สิวเสี้ยนจะได้ออกมาทั้งราก ไม่ขาดตอนค่ะ ขั้นตอนนี้สะใจมากค่ะ555555

ขั้นตอนที่ 6 : ปิดท้ายด้วยการล้างคราบแผ่นชีทออกให้หมดด้วยน้ำเย็นจัดค่ะ หรือใครชอบความสะใจแบบมิ้น ใช้น้ำผสมน้ำแข็งล้างเลย รับรองรูขุมขนแน่นเปรี๊ยะ!!

ทั้งหมดนี้ก็คือขั้นตอนง่ายๆในการลอกสิวเสี้ยนนะคะ ต่อไป เรามาดูแผ่นชีทที่ลอกออกมากันเลยดีกว่าว่าเป็นยังไงบ้าง

อื้อหืมมมมมม ออกมาเยอะมากกกกก ขอบอกเลยว่าปกติมิ้นลอกสิวเสี้ยนแทบไม่ค่อยจะออกเลยนะ แต่อันนี้ออกมาเยอะมากจริงๆ เยอะจนตกใจเลย

ตอนนี้มิ้นก็ลอกสิวเสี้ยนโดยใช้ Biore Pore Pack มาได้ 3 ครั้งแล้วนะคะ แต่ละครั้งก็รู้สึกได้ว่าจมูกเรียบเนียนขึ้นเรื่อยๆ สิวเสี้ยนน้อยลง ปลื้มปริ่มมากค่าาา

ใครที่สนใจอยากลอกสิวเสี้ยนแบบสะใจๆบ้าง อย่าลืมไปหาซื้อมาลองใช้กันน้าา มิ้นต้องขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะคะ ขอให้หน้าใสไร้สิวเสี้ยนกันทู้กกกคน บ๊ายบายค่าาา:3

Review & Swatch : เปิดกรุลิปสีชมพูอมส้ม 33 อัน !!

11:11

สวัสดีค่าา วันนี้มิ้นจะมาเปิดกรุลิปสีที่มิ้นชอบที่สุดให้ดูกันนะคะ นั่นก็คือ สีชมพูอมส้มนั่นเองง ที่คัดมาส่วนใหญ่จะเป็นอันที่ชอบๆทั้งนั้น มีทั้งแบรนด์ high-end และ drugstore ผสมๆกันนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะราคาไม่เกิน 500 บาทค่ะ

มิ้นแยกการรีวิวครั้งนี้ออกเป็น 4 หมวด ตามเนื้อของลิปเลยนะคะ จะมีทั้งครีม/ซาติน, แมท, กำมะหยี่, และกลอสค่ะ ชอบเนื้อแบบไหนลองดูกันเลยน้าา

มาดูที่เนื้อครีม / ซาตินกันก่อนเลยนะคะ เนื้อซาตินจะเป็นเนื้อของลิปสติกทั่วไปส่วนใหญ่ จะมีความแมท แต่ก็ให้ความชุ่มชื้น มีความมันวาวด้วย ผสมๆกันไป บางแบรนด์วาวมาก บางแบรนด์วาวน้อย ลองดูเนื้อในภาพที่มิ้น swatch นะคะ มีการปรับแสงนิดหน่อย และพยายามปรับสีให้ดูเหมือนจริงที่สุดค่ะ

1. Mille French Kiss de Star Lipstick #001 Sassy Nude - 595 บาท

- ลิปตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากก ทาแล้วปากดูวาวๆหน่อยๆ บวกกับสีชมพูนมอมส้มนิดๆ เลยทำให้ดูหวานแบ๊วมากกเวลาทา

2. Memebox I'M MEME I'm Lipstick #BC012 Notting Hill - 600 บาท

- เนื้อดีมากๆ ไม่แห้งและไม่วาวมากจนเกินไป กำลังดี สีสวย ติดอย่างเดียวคือแพคเกจมันจะเหลี่ยมๆ แล้วมิ้นว่าตรงมุมมันแหลมไปนิดนึง จับแล้วเจ็บบางที555555

3. Wet n Wild Mega Last Lip Color #E983 Sea of Sand - 139 บาท

- เป็นลิปที่สีสุภาพ ทาได้ทุกวัน เนื้อจะออกครีมๆ ไม่ทำให้ปากแห้ง

4. Wet n Wild Mega Last Lip Color #E981 Scattered Rose Petals - 139 บาท

- ในภาพดู swatch แล้วไม่ต่างจาก wet n wild สีอื่นมาก แต่พอทาบนปากจริงๆ สีนี้จะสว่างกว่าสีอื่น มิ้นชอบทากับ tint สีแดงที่กลางปาก แล้วทาตัวนี้บางๆรอบๆ จะได้ลุคเกาหลีๆดี

5. Wet n Wild Mega Last Lip Color #E903C Just Peachy - 139 บาท

- เป็นลิปสติกที่ต้องมีติดบ้าน ทั้งสี คุณภาพ ราคาดีสุดๆ ใครชอบสีพีช คอรัลห้ามพลาดสีนี้จริงๆ

6. Wet n Wild Mega Last Lip Color #E901B Think Pink - 139 บาท

- ตัวนี้จะชมพูกว่าตัวอื่นๆเลย ให้ความชุ่มชื้นได้ดี ทาแล้วดูเป็นสาวหวานนนมากก~

7. Limecrime Lipstick #Babette - ประมาณ 600-700 บาท

- ลิปสติกเนื้อครีม กลบสีปากได้มิดสุดๆ จะค่อนข้างอ่อนและสว่างมากเวลาทาบนปาก

8. MAC Lipstick #Betty Bright - 810 บาท

- อันนี้สวยม้ากก เนื้อดีม้ากก เสียดายที่มันลิมิเตด TT สีออกไปทางชมพูเข้มนิดๆ มีความส้มหน่อยๆ ทาแล้วดูสดใสมากๆ

9. Sleek True Colour Lipstick #Barely There - 250 บาท

- ตัวนี้สีจะไปทางส้มนู้ดน้ำตาลๆ เนื้อโอเค ไม่ทำให้ปากแห้ง แท่งเล็กพกพาง่าย

10. ESTRO Hyaluronic Lipstick #Dapper - 490 บาท

- ลิปตัวนี้เคยติดอยู่สักพักเลย พกไปไหนมาไหนตลอดด สีคล้ายๆ wet n wild just peachy แต่ชมพูกว่าและเข้มกว่า เนื้อดีงามม แพคเกจดีด้วย

11. ESTRO Hyaluronic Lipstick #Fragile - 490 บาท

- เหมือนด้านบน แต่สีนี้จะออกส้มๆกว่า สีสวยไม่แพ้กัน

12. Sigma Power Stick #Nancy - 690 บาท

- อันนี้ก็เนื้อโอเคมากๆ สีน่ารักมากๆ แต่พอทาไปสักพักจะเริ่มรู้สึกเหมือนสีมันเข้มขึ้น สีไม่เหมือนเดิม TT

13. Nagano Lipstick #OR02 Peachy Orange - 199 บาท

- เนื้อให้ความชุ่มชื้นสูง ทาบนปากแล้วสีจี๊ดจ๊าดมาก เหมาะกับคนที่ชอบทาปากสีส้ม ให้ลุคที่สดใสมากค่ะ

14. Tom Ford Lip Color #01 Spanish Pink - ประมาณ 2000 บาท

- ตัวนี้เนื้อดี สีสวย ให้ความชุ่มชื้นได้ดี เหมาะกับการทาเป็น everyday look มากๆ แต่แพงไปนิ้ดด

และทั้งหมดนี้ก็คือลิปเนื้อครีม/ซาตินสีคอรัลนะคะ ชอบสีไหนไปตำกันนน~ ไปต่อกันที่ลิปเนื้อแมทกันเล้ย

ต่อที่เนื้อแมทกันเลยนะคะ เนื้อแมทจะเป็นเนื้อที่มีเม็ดสีแน่น ส่วนใหญ่จะกลบสีปากได้มิด ไม่มีความฉ่ำวาวใดๆ ที่มิ้นเลือกมาก็มีทั้งแบบดินสอ ลิปสติก และลิปจิ้มจุ่มเลยค่า

1. 3CE Drawing Lip Pen #Little More - ประมาณ 200-300 บาท

2. 3CE Drawing Lip Pen #Butter Pink - ประมาณ 200-300 บาท

3. 3CE Drawing Lip Pen #Willowy - ประมาณ 200-300 บาท

- 3 ตัวนี้จะมีเนื้อที่คล้ายกัน ต่างกันที่สี เนื้อจะดูเหมือนแห้ง แต่จริงๆเขียนง่าย สีสวย ติดทนนานใช้ได้เลย พกพาสะดวกด้วยเพราะแท่งเล็ก

4. Sleek True Colour Lipstick #Papaya Punch - 250 บาท

- ตัวนี้ถือว่าให้ความชุ่มชื้นได้ดีสำหรับลิปแมท ติดทนดี สีสด กลบสีปากมิด แท่งเล็ก พกพาง่าย

5. Maybelline Colorshow Creamy Matte Lipcolor #M103 Rock The Coral - 149 บาท

- ตัวนี้เป็นลิปแมทที่เนื้อให้ความชุ่มชื้นสูงมากก มากจนเกือบจะไม่แมท มีความวาวๆนิดนึง สีสวย ทาแล้วขับผิวมากๆ

6. Maybelline Vivid Matte by Color Sensational #Vivid12 - ประมาณ 200 บาท

7. Maybelline Vivid Matte by Color Sensational #Vivid14 ประมาณ - 200 บาท

- 2 ตัวนี้เนื้อเนียนสุดๆ ทาแล้วไม่ตกร่องเลย ติดทนปานกลาง สีชัดแจ่มมากก

8. Flormar Extreme Matte Lipstick #01 Warm Nude - 330 บาท

- ตัวนี้ทาแล้วได้ฟิลเหมือนทาลิปจิ้มจุ่มเลย เนื้อแมทสุดๆ ค่อนข้างแห้ง แต่สีสวยมากกก

9. Maybelline Lip Gradation by Color Sensational #Coral1 - 349บาท

- อันนี้ไว้ทาไล่สี หรือจะทาทั้งปากก็สวยดี ลิปจะมาเป็นแท่งยาวๆ ด้านนึงเป็นลิปสติก อีกด้านเป็นฟองน้ำไว้เกลี่ยลิป เนื้อไม่ให้ความชุ่มชื้นเลย เกลี่ยแล้วแห้งสนิทเกือบจะเหมือนแป้ง แต่เนียนนะ

10. Revlon Super Lustrous Lipstick #013 Smoked Peach - ประมาณ 100 กว่าบาท

- เนื้อค่อนข้างแห้ง ผสมชิมเมอร์นิดหน่อย พอทาแล้วจะมีความแมทแต่วาวด้วยชิมเมอร์ สีเป็นนู้ดแปลกๆที่ส้มเกินไปหน่อย

11. In2It Nudist Liquid Matte #101 Guilty - 255 บาท

- ตัวนี้เนื้อดีมากกกก เป็นลิปจิ้มจุ่มที่ชอบที่สุดเลย สีสวยด้วย ติดทนนานมากๆ ไม่ทำให้ปากแห้ง ไม่ตกร่อง ดีงามไปหม๊ด

12. OFRA Cosmetics Long Lasting Liquid Lipstick #Rio - 800 บาท

- เป็นลิปจิ้มจุ่มที่เนื้อบางเบามาก เกลี่ยง่าย กลบสีปากได้ดี ติดทนใช้ได้เลย

13. Australis Velourlips Matte Lip Cream #Hon-o-loo-loo - ประมาณ 350 บาท

- ตัวนี้เด่นที่กลิ่น หอมมากก เหมือนขนม สีสวย แต่ทาแล้วตกร่อง แอบเป็นคราบเวลาเติม

หมดไปแล้วกับลิปสีชมพูอมส้มเนื้อแมทนะคะ งั้นเราไปหมวดต่อไปกันเลยดีกว่า ~

สำหรับเนื้อกำมะหยี่จะมีอยู่ 2 อันนะคะ แบรนด์เดียวกันเลย เนื้อกำมะหยี่จะมีความแมท เม็ดสีชัด และดูเรียบเนียนมากๆนั่นเอง

1. Merrez'ca Speak Velvet Lip #201 Orange Love - 450 บาท

2. Merrez'ca Speak Velvet Lip #202 Funky Nude - 450 บาท

- 2 ตัวนี้เนื้อจะเหมือนกัน เป็นเนื้อครีมๆ สักพักจะแห้งไปเป็นเนื้อกำมะหยี่ มีความเป็น stain นิดๆ ติดทนนาน ทาบางๆแล้วดูธรรมชาติกำลังดีเลย แต่พอเริ่มทาทั่วทั้งปาก เริ่มทาเยอะขึ้น จะเริ่มไม่เนียนและเป็นคราบได้ ต้องระวัง

และหมวดสุดท้ายของเรา เนื้อกลอสนะคะ จะมีความฉ่ำวาว และให้ความชุ่มชื้นสูง เหมาะสำหรับสาวปากแห้ง มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

3. 17 Sheer Moisture Lipstick #Pink Appeal - ประมาณ 200 บาท

- อันนี้ไม่ถึงขั้นวาวแบบเป็นกลอส แต่ก็วาวกว่าปกติเลยจับมาไว้หมวดนี้5555 สีสวยมาก ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก ติดทนได้ไม่นานเท่าไหร่

4. Za Vibrant Moist Lip Lacquer #BE24 - 299 บาท

- อันนี้ธรรมชาติมากก มิ้นพกบ่อยเวลาอยากได้ลุคธรรมชาติๆ เนื้อให้ความชุ่มชื้นตลอดเวลา กลบสีปากไม่มิดนะ ไม่วาวมากจนเกินไป กำลังดี

5. Bourjois Color Boost Lip Crayon #04 - 280 บาท

- ตัวนี้พิกเม้นแน่น สีชัด เนื้อก็ฉ่ำมากๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องปากแห้งเลย ติดทนได้ไม่นานมาก

6. Soap And Glory Sexy Mother Pucker Gloss Stick #Bashful - 400 บาท

- เนื้อของตัวนี้จะค่อนข้างบาง กลบสีปากแทบไม่ได้เลย เน้นให้ความวาวแบบเป็นธรรมชาติ เรื่องให้ความชุ่มชื้นไม่ต้องพูดถึง สูงมากๆแน่นอนน

เรียบร้อยยย ทั้งหมดนี้ก็คือการรีวิวลิปสีชมพูอมส้มทั้ง 33 แท่งของมิ้นนะคะ หวังว่าทุกคนจะชอบรีวิวนี้นะคะ ใครอยากให้รีวิวอะไรเพิ่มเติม ลองบอกกันได้น้าา วันนี้ก็ต้องขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้นะคะ☺️💕

Review : Trilogy Certified Organic Rosehip Oil น้ำมันบำรุงผิวจากดอกโรสฮิป

10:59

Review : Olay Natural White Pinkish Fairness เพื่อผิวขาวใสอมชมพู ♥

01:00

สวัสดีค่ะทุกคนนน~

มิ้นเชื่อว่าผิวที่ขาวกระจ่างใสอมชมพูเป็นผิวในอุดมคติของหลายๆคน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยนะ

กับสภาพอากาศ มลภาวะ แดดที่เราต้องเผชิญในทุกๆวัน

ไหนจะสิวที่ขึ้นมากวนใจ พอหายแล้วก็ทิ้งรอยสิว รอยดำไว้อีกกก!

เพราะผิวเราโดนทำร้ายทุกวันแบบนี้ครีมบำรุงจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย หากเราอยากจะมีผิวที่ดี

วันนี้มิ้นก็มีครีมบำรุง ตัวช่วยให้ผิวหน้ามิ้นขาวกระจ่างใสอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ มาแนะนำทุกคนค่ะ

พร้อมกับมินิฮาวทู แต่งหน้าแนว Pink Natural Look ^/////^

น่าสนใจใช่มั้ยล่าาา~ มาเริ่มกันเลย

โอเลย์ เนเจอรัล ไวท์ พิงค์คิช แฟร์เนส เดย์ เอสพีเอฟ 24 พีเอ++ ไวท์เทนนิ่ง ครีม

ครีมบำรุงเพื่อผิวขาวกระจ่างใสอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ทาช่วงเช้าก่อนแต่งหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวหน้า นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เหมือนเบส ผสมสารป้องกันแสงแดด

เพราะมี SPF24 PA++ สวยครบจบในตัวเดียว ลดขั้นตอนการแต่งหน้า ประหยัดเวลาสุดๆ

ส่วนผสมหลักๆของเค้า มีวิตามินบี 3 , โปร บี5 และวิตามินอี ยังไม่พอนะ ยังมีสารสกัดจากน้ำนมบริสุทธิ์และกุหลาบฝรั่งเศสที่จะช่วยทำให้ผิวเรานุ่ม เด้ง เปล่งปลั่ง น่าสัมผัส แถมยังช่วยในเรื่องของความหมองคล้ำ จุดด่างดำ สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ เพิ่มความเปล่งประกายอมชมพูให้กับผิวเรานั่นเอง

เมื่อเปิดฝากระปุกออกมาจะเจอครีมสีขาวเข้มข้นอยู่เต็มกระปุก พร้อมกลิ่นหอมบางเบา ให้ความสดชื่นกำลังดี

ไม่เยอะเกินไปจนฉุน

เนื้อครีมเข้มข้น แต่ไม่ทิ้งความมัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมเข้าผิวง่าย

ให้ความชุ่มชื้นได้ยาวนานตลอดวัน

เหมาะสำหรับคนผิวแห้งและผิวธรรมดา ผิวดูเรียบเนียน ซึมซาบบำรุงผิวได้ล้ำลึก

ไม่เป็นขุยหรือเกิดคราบขาวระหว่างวัน ^______^

มิ้นลองทาบนผิวหน้าเพื่อเปรียบเทียบให้ดูว่า Olay Natural White Pinkish

ช่วยปรับผิวหน้าให้ดูขาวกระจ่างใสขึ้นมาจริงๆ มีความโกลวแบบผิวสุขภาพดีเบาๆ

ลองดูภาพเปรียบเทียบนะคะ และอีกอย่างนึงคือครีมตัวนี้ให้ความชุ่มชื้นได้โอเคเลย

สำหรับ First Impression กับครีมตัวนี้ มิ้นให้ผ่านทั้งเนื้อ กลิ่น และความกระจ่างใสและชุ่มชื้น

ที่รู้สึกได้ทันทีเลย แล้วมิ้นก็ใช้ติดต่อกันมาอีก 2 สัปดาห์เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงค่ะ

และผลก็คืออออ

ทาดาาาาาา ~~

เห็นได้เลยว่า 2 สัปดาห์ผ่านไป แก้ม เหนียงมิ้นบวมขึ้นมา ต้องกินให้น้อยลงแล้ว!! 555555555

นอกจากเหนียงแล้ว อีกอย่างที่เห็นคือ ผิวกระจ่างใสขึ้นจริงๆนะ แต่ด้วยแสงที่ถ่ายคนละวันกัน อาจจะทำให้สีของทั้งสองรูปต่างกันนิดนึง แต่มันกระจ่างใสขึ้นจริง! จะสังเกตได้ว่าก่อนใช้มิ้นจะมีรอยสิวอยู่ประปราย และหน้าหมองคล้ำ แต่หลังใช้มันสดใสขึ้นจริงๆนะ มีความอมชมพูสุขภาพดีด้วย

เฮ้ยยย ชอบจริง

เมื่อผิวหน้าเราขาวกระจ่างใสอมชมพูแล้ว ก็ทำให้การแต่งหน้าง่ายขึ้นมาก

วันนี้มิ้นเลยจะมาสอนแต่งหน้าเล็กๆน้อยๆตามคอนเซปท์ของความขาวอมชมพู

ด้วยลุค Pink Natural Look ค่าา

จะเป็นลุคสาวหวานใสโทนชมพูแบบนี้นะคะ วันไหนที่อยากแต่งเป็นสาวหวานดูก็มาแต่งตามกันได้นะคะ

หรือจะแต่งเป็น everyday look เลยก็เหมาะค่ะ ถ้าอยากแต่งตามก็มาดูขั้นตอนกันเล้ยย~

1.เขียนคิ้วตามทรงคิ้วธรรมชาติของเราเลย โดยเขียนให้บางๆ เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเขียนให้คมมาก

2. ทาเปลือกตาด้วยอายชาโดว์สีน้ำตาลผสมชิมเมอร์ แล้วเบลนด์ลงมาที่ปลายขอบตาล่าง หลังจากนั้นไฮไลท์หัวตาด้วยอายชาโดว์สีทอง

3. ดัดขนตาแล้วปัดมาสคาร่าทั้งขนตาบนและล่าง

4. ปัดแก้มสีชมพูพีช (หรือสีที่ปัดแล้วดูคล้ายมีเลือดฝาด) บางๆจากหน้าแก้มไล่ขึ้นไปที่โหนกแก้ม

5. ทาปากด้วย tint สีชมพูเข้ม โดยแต้มที่กลางริมฝีปากแล้วใช้นิ้ว blend ออกมาให้ดูเป็นสีชมพูระเรื่อๆ จากนั้นทาลิปมันเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก

เพียงเท่านี้เราก็จะได้ลุคหวานๆใสๆแล้วนะคะ ง่ายมากๆเลย ใครลองแต่งตามอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันด้วยนะคะ

มิ้นแนะนำครีมตัวนี้เลย สำหรับคนที่ต้องการความกระจ่างใสอมชมพู สำหรับคนที่ต้องการผิวสุขภาพดี

สำหรับคนที่มีรอยสิว สำหรับคนที่ขี้เกียจทาครีมบำรุงแยกกับครีมกันแดดในตอนเช้า

และสำหรับคนที่กำลังเรียนอยู่ วัยมัธยม มหาลัยยิ่งเหมาะมากๆ ด้วยราคาและคุณสมบัติที่ทำให้

‘ผิวกระจ่างใสอมชมพู’ ที่วัยรุ่นหลายคนใฝ่ฝันกัน มันอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง

ที่สำคัญนอกจากเป็นครีมบำรุงตอนเช้าที่ทำให้ผิวเราใสวิ้งแล้วเนี่ย

ตัวนี้ยังเป็นเบสผสมกันแดดไว้ทาก่อนแต่งหน้าได้ด้วยนะ กระปุกเดียวคุ้มสุดๆอ้ะ

OLAY Natural White Pinkish Fairness Day Cream SPF24 PA++

ขนาด 25 g. ราคา 109 บาท มีจำหน่ายที่ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อชั้นนำทั่วไป

อย่าลืมไปลองใช้กันดูเน้อออ เพื่อความขาวกระจ่างใส อมชมพู ผิวสุขภาพดีกันไป~*

และมิ้นก็ต้องขอจบบล็อกนี้ไว้เพียงเท่านี้นะคะ ไว้เจอกันใหม่

ดูแลสุขภาพกันดีๆน้า บ้ายบายยยย :3

#OlayThailand #OlayNaturalWhite #sponsoredbyolay #ขาวใสอมชมพู #ใสวิ้งเลยในครั้งแรก

mintchyy

Review : Faris กันแดดผสมรองพื้น กันน้ำ หน้าใสในวันสงกรานต์ !

Review : Biore Pore Pack Black Charcoal ลอกสิวเสี้ยนแบบสะใจ ถอนรากถอนโคน!!

Review & Swatch : เปิดกรุลิปสีชมพูอมส้ม 33 อัน !!

Review : Trilogy Certified Organic Rosehip Oil น้ำมันบำรุงผิวจากดอกโรสฮิป

Review : Olay Natural White Pinkish Fairness เพื่อผิวขาวใสอมชมพู ♥

About me

Follow Us

Contact

recent posts

Blog Archive

Instagram